บทที่ 5
อยากเป็นโหร
หลังจากควบกิจการเข้าเป็นบริษัทเดียว คนของบริษัทเก่าที่ทำงานในแผนกเดียวกัน 6 คน ฝ่ายผม 2 คน กลมเกลียวกันทำงาน ราบเรื่นเป็นอย่างดีมาหลายปี ขัดแย้งกันบ้างเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ธรรมดาของคนร้อยพ่อพันแม่ ผมจะขอผ่านไปยังจุดสำคัญ
ดังกล่าวแล้ว ว่าเราทำงานร่วมกันรวมแล้ว 8 คน 1 ในนั้นมีความรู้เรื่องโหราศาสตร์ เขาเรียนกับคุณลุงของเขา เพื่อเป็นผู้ช่วย เพราะลุงเขาตาบอด ไม่สารมารถผูกดวงเองได้ ต้องอาศัยหลานชาย คนที่เป็นเพื่อนร่วมงานของผมนั่นเอง
ฉะนั้นทุกวันอาทิตย์จึงต้องไปช่วยลุงผูกดวง ซึ่งอยู่ถนนพหลโยธิน เลยเซ็นทรัลลาดพร้าวไปไม่มาก ใกล้ร้านอาหารชื่อดัง ตาลเดี่ยว ของหม้ายศรีนวล เมียสุรพล สมบัติเจริญ อดีตนักร้องลูกทุ่งคนดัง
ที่ผมสองคนชอบพอกัน เพราะ 1 ต่างก็มีลัคนาสถิตราศีเมษด้วยกัน และ 2เกิดปีเดียวกัน แต่เขาความรู้ดีกว่า ฐานะการเงินและครอบครัวดีกว่า เพราะขณะที่ผมมีเงินค่ารถเมล์ไปทำงานเดือนชนเดือน เขาขับบี.เอ็ม.ตลอดทั้งเดือน
แต่เวลาเมาเขาสู้ผมไม่ได้ ผมสามารถเมาได้ตั้งแต่เที่ยงวันไปจนถึง 6 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น แล้วไปทำงานต่อได้
ที่เป็นเช่นนี้เพราะงานที่ทำเป็นงานข้างนอก เข้าบริษัทได้เป็นครั้งคราว เช่นเข้ามารับเงินเดือนและเบิกค่าใช้จ่ายในการทำงาน เหตุใหญ่นอกจากไม่มีโต๊ะประจำให้นั่งแล้ว ยังไปชวนคนอื่นคุย ทำให้คนที่เขาจะทำงานขาดสมาธิในการทำงาน ผู้จัดการฝ่ายของผมก็เลยสั่งว่า ถ้าไม่จำเป็นอย่ามาให้เห็นหน้าเป็นอันขาด
เมื่อรู้ว่าเขาไปศึกษาโหราศาสตร์กับลุงในวันอาทิตย์ ก็เลยใช้ที่นั่นเป็นจุดนัดพบเพื่อเพิ่มวันการเสพเมรัยขึ้นจากวันอื่น ๆ อีกวันใน 1 สัปดาห์
มีอยู่วันหนึ่งคุณลุงโหร เมตตาดูให้ผม โดยเพื่อนเป็นคนผูกดวงให้ ท่านทายได้แม่นยำยิ่งกว่าคนตาดี จนผมประหลาดใจ เลยอยากเรียนโหรขึ้นมาทันที กะว่าสักอาทิตย์ จะไปขอขึ้นครูเรียน ก็พอดีท่านก็ถึงแก่มรณะกรรม มาคิดได้ตอนหลังว่าตัวเองคงวาสนาไม่ถึง คุณลุงโหรตาบอดคงดีใจมากที่ท่านตายก่อน มิฉะนั้นท่านคงจะได้ศิษย์ขี้เมาเพิ่มอีก 1 คน
ถึงอย่างไรคนอย่างผมมันมีความบ้าอยู่ในสายเลือดค่อนข้างมาก ลงตั้งใจจะทำอะไรที่เป็นความตั้งใจของตนเอง ไม่ใช่ความตั้งใจของคนอื่น มักจะมีความพยายามสูง
ดังนั้นในวันที่รอฌาปนกิจคุณลุงโหร ที่วัดมะกอก อนุสาวรีย์ชัยฯ ผมจึงข้ามฟากไปดูดวงกับท่านอาจารย์อรุณ เทศถมทรัพย์ ที่ซอยบางยี่ขัน ฝั่งธนบุรี ได้ยินข่าวว่าท่านทายแม่น ค่าดูราว 20 หรือ 30 บาท และก็เป็นจริงดังข่าว ผมจึงตัดสินใจเรียนกับท่านทันที ดูเหมือนปลายปี 2516 ต้นปี 2517 แต่ผมก็ศึกษาด้วยการซื้อหนังสือมาอ่าน ตั้งแต่ปี 2515-2516
การเรียน 10 ลัคนากับอาจารย์อรุณ สมัยนั้นต้องเอาตำรา ซึ่งเป็นกระดาษโรเนียวไปคัดลอกเองที่บ้าน คัดเสร็จแล้วส่งคืน เพราะจะมีคนใหม่มาเอาไปคัดลอกต่อ และระหว่างรอตอนต่อไป บางครั้งรอนานถึง 6 เดือน ก็เร่งศึกษาตอนที่มีอยู่ ขัดข้องหรือไม่เข้าใจจุดไหนจึงไปถาม ซึ่งอาจารย์จะบอกให้สั้น ๆ ไม่อธิบายอะไรมาก ต้องไปคิดเอาเอง ทำความเข้าใจ และทดสอบว่าตามตำราที่ว่า จริงหรือไม่
ดังนั้นการเรียนโหราศาสตร์ที่ดี คือต้องหัดคิดเอง ศึกษาจากดวงคนจริง ๆ และต้องเป็นคนที่เราสามารถติดตามเรื่องราวได้ หรือไม่ต้องใช้ดวงที่เรารู้จักมาเป็นตัวอย่าง ที่ดีต้องเป็นคนในระดับดี เพราะดาวจะออกมาเด่นชัดกว่าคนธรรมดา
การเรียน 10 ลัคนาของผมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยทุกประการ มีความก้าวหน้าสมกับที่ตั้งใจไว้ ประมาณปี 2519 หรือ 2520 จึงได้ลงสนามกับอาจารย์ พยากรณ์การกุศลที่วัดท่าซุง ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ หรือหลวงพ่อมหาวีระ ถาวโร
ปี 2522 พยากรณ์การกุศลให้กับคณะแม่บ้านศาลสถิตยุติธรรมที่สนามหลวง เก็บเงินสมทบทุนมูลนิธิสายใจไทย
ซึ่งเท่ากับผมได้เริ่มชีวิตการเป็นโหร ใต้ต้นมะขามสนามหลวงสมใจนึกตั้งแต่นั้น เพียงแต่ทางผู้จัด กางเต็นท์กันแดดพร้อมอาหารการกินครบครัน แถมแบ่งรายได้ให้โหร 10 บาทจากค่าดู 30 ใครมีลูกค้ามากก็ได้มาก