อุปสรรคการเรียนโหราศาสตร์(2)
โดย
เณร อยู่นาน
ในตอนที่ 1 ลงท้ายว่า คนที่มีพรสวรรค์ในการเรียนโหราศาสตร์ ถ้ามี ๕๙๐ อยู่ด้วยกัน สัมพันธ์ลัคนาด้วย จะเรียนได้ดี ไปเร็วกว่าคนอื่น แต่ในดวงที่เอามาเป็นตัวอย่างเสาร์ ๗ เล็งจันทร์ ๒ ทำให้กลายเป็นคนมีรายละเอียดมากเกิน จนขาดความมั่นใจ แต่อังคาร ๓ ได้ตำแหน่งดี นำหน้าลัคนา ทำให้มีความเพียรดี
การเรียนโหราศาสตร์ ไม่ว่าในระบบใด ถ้าไปตามขั้นตอนจะไม่ยากอย่างที่คิด เพราะหลักวิชาถ้าจะเอาดีทางพยากรณ์ จะมีอยู่เพียง 2 อย่าง และต้องจำให้ได้ขึ้นใจชนิดหลับตาเห็นภาพ ถ้าไม่เข้าใจหรือจำไม่ได้ ก็ควรจะหันไปทำอย่างอื่นจะเหมาะกว่า สิ่งที่ว่าคือดาว 10 ดวงหนึ่ง อีก 1 คือการแบ่งโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ออกเป็น 12 ราศี
ใน 2 อย่างนี้ ดาวสำคัญที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่เคลื่อนไหว ไม่อยู่คงที่ เบื้องต้นที่ควรรู้ ดาวแต่ละดาวตั้งแต่ อาทิตย์ ๑ จันทร์ ๒ อังคาร ๓ พุธ ๔ พฤหัสบดี ๕ศุกร์ ๖ เสาร์ ๗ ราหู ๘เกตุ ๙ มฤตยู ๐ ว่าแต่ละดาวมีความหมายหรือเอามาทายอะไร เช่น ทายยศศักดิ์ทายอาทิตย์ ๑ ทายจริตให้ทายจันทร์ ๒ ทายกล้าแข็งขยันทายอังคาร ๓ ทายพูดจาอ่อนหวานให้ทายพุธ ๔ ทายปัญญาบริสุทธิ์ทายพฤหัส ๕ ทายกามกิเลสกำดัดให้ทายศุกร์ ๖ ทายโทษทุกข์ให้ทายเสาร์ ๗ ทายมัวเมาทาย ๘ ทายอายุยืนให้ทายเกตุ ๙ ทายอาเพศทายมฤตยู ๐
นอกจากนี้ดาวทั้ง 10 ยังแยกออกเป็นกลุ่ม คือกลุ่ม 1 เป็นดาวศุภเคราะห์ ให้คุณ เช่น ๒๔๕๖ กลุ่มที่ 2 เป็นดาวบาปเคราะห์ ให้โทษเช่น ๑๓๗๘ เกตุ ๙ กับมฤตยู ๐ เป็นกลุ่มพิเศษ เกตุ ๙ ถ้าอยู่กับดาวดีจะดีตาม อยู่กับดาวร้ายจะร้ายตาม มฤตยู ๐ เรียนโหราศาสตร์ดี หน้าที่หลักคือทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า
ดาว 10 ดาวมีธาตุประจำ ๑๗ ธาตุไฟ ๒๕ ธาตุดิน ๓๘ ธาตุลม ๔๖ ธาตุน้ำ ๙๐ วิญญาณธาตุ
เมื่อแบ่งเป็นธาตุแล้วยังมีการแบ่งเป็นคู่มิตร คู่สมพล คู่ศัตรู ซึ่งในที่นี้ผมจะไม่กล่าวถึงให้ยาวความ สามารถหารายละเอียดได้จากตำราโหราศาสตร์ทุกเล่ม
เพียงแต่นำมาชี้แนะให้ท่านเห็นความสำคัญไปตามขั้นตอน ดาวเหล่านี้จะมีความหมายและสามารถทายได้หลากหลาย บางท่านประมาทเห็นว่าง่ายเป็นหญ้าปากคอก ไม่ให้ความสำคัญ
การจะเรียนรู้เรื่องดาว 10 ดวงไม่ยาก ถ้าเราหันมามองกันในแง่ของความเป็นจริง อย่าไปงมงายกันตำนานหรือคัมภีร์โบราณมากเกินไป เพราะดาว 10 ดวงที่ว่า เป็นดาวจริง มีอยู่ในท้องฟ้า ไม่ได้เป็นภาพหลอน ไม่มีเทวดาหรือนางฟ้าหรือท่านใดมาสร้างไว้ กลางคืนเดือนมืดฟ้าสดใสมองเห็นแพรวพราวไปหมด
และการมาทุ่มเทเงินทองและเวลาเรียนโหราศาสตร์ ก็เป็นการลงทุนน้อยที่สุด น้อยกว่าการเรียน กขคง หรือ abcd ในชั้นอนุบาลเสียอีก เรียนยังไม่ทันจบมีงานมาให้ทำ ไม่เคยมีคนไหนตกงาน
มากรายหรือเกือบจะทุกรายพอเริ่มต้น ดาว 10 ดาวยังจำไม่ได้ ว่าดาวอะไรทายเรื่องอะไร อยากจะรู้เรื่องดวงของตนเองขึ้นมา เรียนยังไม่ถึงอยากรู้ดวงตัวเอง ซึ่งคิดดูก็น่าสงสาร ถ้าเป็นการขับรถ ยังจำเกียร์ไม่ได้ จะเหยียบท่าเดียว ขืนปล่อยก็ไม่ผิดอะไรกับเร่งสู่ความตาย
การจะเรียนโหราศาสตร์ให้ได้ผลต้องจัดขั้นตอน หรือวางแผน ว่าจะเรียนเพื่ออะไร ถ้าเพื่อประดับสติปัญญาก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าจะเรียนเป็นโหรอาชีพ ต้องเรียนให้จบหลักสูตร อย่าเรียนครึ่งกลาง ๆ และก่อนสมัครเรียนควรเลือกหาอาจารย์ที่ตนเองศรัทธา อย่าไปเรียนตามเขาว่าหรือตามกระแสความดังของอาจารย์
เพราะถ้าอาจารย์ดัง จะมีคนไปเรียนมาก คนมากการเรียนจะมีผลน้อย มากคนปัญหาจะมากตาม สติปัญญาแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน บางคนพื้นฐานเดิมดี บางคนใหม่ถอดด้าม ความใสความมืดทึบในสมองก็ต่างกัน
ดังนั้นดีที่สุดคือการเรียนตัวต่อตัว และสมควรยิ่งที่ต้องเรียนต่อเนื่องไปจนจบหลักวิชาหรือจบหลักสูตร ไม่ควรเรียนคราวเดียวหลายวิชา เพราะจะสับสนง่าย ถ้าอยากเรียน ก็ต้องเรียนให้จบแต่ละวิชาแล้วไปต่อทีหลัง
ทุกวันนี้ผมประสบบ่อย บางคนเรียนควบ 3-4 วิชาก็มี มาเรียน 10 ลัคน์กับผม เรียนดวงไทยกับอีกคน เรียนไพ่ ดวงพม่า พอให้ทำการบ้านมาส่ง ผมก็ต้องทนอ่านคำพยากรณ์ลูกผสม ม้าเทศผสมม้าแกลบผสมลา ผลสุดท้ายก็หายเข้ากลีบเมฆ
ครั้นเอาดวงมาวางตรงหน้าให้ทายสด ๆ ถึงกับเครียดจนเหงื่อแตก